ใช้สมาร์ทโฟนยังไงให้เครื่องอยู่กับเราไปนาน ๆ

     ปัจจุบันนี้ สมาร์ทโฟน หรือว่ามือถือนั้นได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะออกไปไหน เดินทางไกล หรือแค่ไปหน้าปากซอยก็ต้องพกติดตัวไว้ตลอด ห่างตัวไม่ได้เลย เหมือนว่าจะขาดอะไรบางอย่าง และยังรวมไปถึงเรื่องของการทำงาน การติดต่อสื่อสาร ที่เน้นในเรื่องของความสะดวกสบาย พกพาง่ายไม่ใหญ่มากจนเกินไป และเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสแกนลายนิ้วมือ FaceID เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีความจำเป็นอย่างมาก

          พยายามดูแลสมาร์ทโฟนอันเป็นที่รักของคุณอย่างดีที่สุดเพื่อที่เขาจะได้อยู่คู่ใจของคุณได้นาน ๆ เพราะสำหรับบางคนอาจจะไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อใหม่ได้เรื่อย ๆ ซื้อทั้งทีอาจจะใช้เป็น 5-6 ปีเลยก็เป็นได้ ก็นั่นแหละ พยายามระวังในสิ่งที่เรากำลังจะบอกคุณ และเขาจะอยู่กับคุณได้นานมาก ๆ นานจนคุณเบื่อแล้วอยากเปลี่ยนเลยหล่ะ ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

ความร้อนของเครื่อง

ในการเล่นสมาร์ทโฟนของคุณนาน ๆ มักจะมีความร้อนสะสมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าหากเครื่องร้อนมาก ๆ แล้วจะส่งผลต่อการทำงานที่ช้าลงเป็นอย่างมาก เพราะระบบนั้นจะลดการจ่ายไฟลงเพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้ตัวอุณหภูมิสูงเกินไปจนเกิดความเสียหายได้ และยังทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเครื่องนั้นเสื่อมเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่จะเห็นได้ชัดสุดก็คือเรื่องของแบตเตอรี่นั่นเอง ยิ่งเครื่องร้อนมากเท่าไหร่ แบตเตอรี่จะยิ่งเสื่อมไวขึ้นมาก ดังนั้นถ้าหากเครื่องคุณร้อนควรที่หยุดเล่นก่อน และถอดเคสออกวางเครื่องไว้บทเคสก่อนก็ได้ เพื่อที่จะได้ระบายความร้อนได้เร็ว อีกทั้งเคสบางอย่างที่เป็นซิลิโคนจะอมความร้อนมาก

ชาร์จแบตเตอรี่

          ในการชาร์จแบตเตอรี่ ที่ดีที่สุดคุณควรใช้ของแท้ แต่สำหรับสมาร์ทโฟนบางรุ่นนั้น การที่คุณจะซื้อของศูนย์นั้นจะต้องแลกมากกับจำนวนเงินที่สูงมากนั่นเอง อย่างที่รู้กันว่าเดี๋ยวนี้สายชาร์จนั้นได้มีผู้ผลิตหลายค่ายทำออกมา มีทั้งดีและแย่ แต่ทางที่ดีที่สุดและไม่อยากเสียเงินเยอะ คุณต้องลองดูรีวิวสายชาร์จของแต่ละค่ายดูก่อน เดี๋ยวนี้ใน ของแต่ละค่ายดูก่อน เดี๋ยวนี้ใน Youtube มีรีวิวอยู่อย่างมากมาย มีทั้งราคาถูก VS ราคาแพง อยู่ที่ตัวของคุณเองว่าต้องการแบบไหน ของแต่ละอย่างมันก็มีความคุ้มค่าของตัวมันเอง

ระวังเรื่องน้ำเข้า

          สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ มักจะไม่ถูกกับน้ำเสมอ และสมาร์ทโฟนของคุณก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะมีการโฆษณาว่ามีการกันน้ำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เอาจริง ๆ แล้วคำว่ากันน้ำของมันก็คือเป็นแค่ Shield ที่เอาไว้ป้องกัน อาจจะเป็นการเคลือบสาร เคลือบซิลิโคนบางอย่างรอบ ๆ แผงวงจร เพื่อไม่ให้น้ำเข้าได้ แต่ด้วยการที่ว่าซิลิโคนต่าง ๆ ก็มีเสื่อมตามกาลเวลาอยู่แล้ว ใช้แค่ 1ปี-2ปี แรกก็เสื่อมแล้ว ทางที่ดีที่สุด อย่าเน้นในเรื่องของการถ่ายใต้น้ำหรือโดนน้ำบ่อย ๆ จะดีกว่า เพราะถ้าหากเครื่องเกิดช็อตขึ้นมา มันไม่คุ้มซ่อมอย่างแน่นอน

ตกกระแทก

          ถึงแม้ว่าคุณจะดูแลมันดีแค่ไหน แต่การใช้งาน มักจะหนีเรื่องของอุบัติเหตุทำสมาร์ทโฟนตกไม่พ้นอย่างแน่นอน แต่เดียวนี้ได้มีเคสออกมากันอย่างมากมายและได้ทำการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นโยนข้ามตึก ปล่อยลงจากชั้นสองของบ้าน โดยที่ตัวเครื่องไม่เสียหาย หน้าจอไม่แตก ภายนอกคุณอาจจะเห็นแบบนั้น แต่คุณรู้หรือไม่ว่า แรงกระแทกเหล่านั้นจะกระทบต่อชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ภายในเครื่องไม่มากก็น้อย ระยะสั้น ๆ 3-4 ปีอาจจะไม่เห็นผล แต่หลังจากนั้นไปจะเริ่มออกอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ หงุดหงิดกวนใจที่ทำให้คุณต้องเสียเงินอยู่บ่อยครั้ง ทางที่ดีอย่าทำตกบ่อย หรือพยายามสวมเคสที่กันกระแทกดี ๆ มากกว่าใส่เคสตามแฟชั่น

รีเซ็ตเครื่องบ้าง

          คุณอาจจะคิดว่าการรีเซ็ตนั้นไม่ควรที่จะทำอย่างยิ่ง ซึ่งคุณคิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิดสะทีเดียว และก็ไม่ถูกทั้งหมด เพราะในการรีเซ็ตเครื่องนั้นจะเป็นรีบูทระบบใหม่ ที่มันจะช่วยล้างการตั้งค่าต่าง ๆ ของเครื่องคุณ และรวมไปถึงไฟล์ ข้อมูลขยะของเครื่องคุณอีกด้วย ซึ่งมันจะส่งผลทำให้เครื่องของคุณทำงานช้าลง ถึงแม้ว่าคุณจะลบแอพพลิเคชั่น หรือลบข้อมูลบางอย่างไปแล้ว แต่มันก็ยังหลงเหลือข้อมูลที่ลบไม่ออกอยู่บ้าง ซึ่งการรีเซ็ตค่าต่าง ๆ จะช่วยได้เป็นอย่างมาก ไม่ถึงนั้นต้องรีเซ็ตลบทุกอย่างทิ้งเสมอไป แค่รีเซ็ตการตั้งค่าต่าง ๆ ของเครื่องก็มีโอกาสที่จะทำให้สมาร์ทโฟนของคุณเร็วขึ้นได้เช่นเดียวกัน

          ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถึงจุด ๆ หนึ่ง สมาร์ทโฟนของคุณมันก็ต้องมีอะไรเสียบ้าง ง่าย ๆ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่แค่ผ่านไป 1-2 ปีก็ต้องเปลี่ยนกันแล้ว ดังนั้นคุณจะหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน และในการเปลี่ยนนั้น ถ้าสมาร์ทโฟนที่ออกมาใหม่ ราคาการซ่อมมักจะสูงมาก ทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ถูกโกงจากร้านซ่อมต่าง ๆ คุณควรที่จะศึกษาก่อนว่าอาการที่คุณเจอมันเกิดมาจากอะไร ราคา หรือ ค่าซ่อม ของอาการที่คุณเจอราคาเท่าไหร่นั่นเอง